........หากจะถามว่าทำไมต้องเป็นเวบหิมพานต์ก็เพราะว่าเป็นความสงสัยว่าทำไมในวรรณคดีหลาย ๆ เรื่องทั้งที่เรียนและไม่ได้เรียนมักกล่าวถึงแล้วไม่ได้อธิบายว่าที่ตั้งอยู่ตรงไหน มักจะพูดถึงสิ่งที่อยู่ในป่าหิมพานต์ ์มากว่า ที่จะกล่าวถึงป่าหิมพานต์แล้วอธิบายให้เห็นถึงภาพได้ก็จะมีแต่เรื่องพระสุธนมโนราห์ แต่ที่แน่ ๆ เรามาดูกันดีกว่า ว่าในป่าหิมพานต์เป็นอย่างไร
ป่าหิมพานต์ตั้งอยู่บริเวณโดยรอบของเขาพระสุเมรุมีความกว้าง 3,000 โยชน์ (1 โยชน์ เท่ากับ 8,000 วา 1วา เท่ากับ 2 เมตร) มีความสูงจากเนินเขาจรดยอดเขาสูง 500 โยชน์ หากวัดความกว้างจากทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตกเท่ากับ 3,000 โยชน์ หากวัดโดยรอบเขาหิมพานต์เท่ากับ 9,000 โยชน์ ........จะว่ากันไปแล้วจะเห็นได้ว่าหิมพานต์ เป็นดินแดนที่ขั้นระหว่างดินแดนของมนุษย์และดินแดนของสวรรค์เพราะว่า ยอดเขาต่อไปนี้เหนือยอดเขาทั้งหลายขี้นไปก็จะเป็นดินแดนของเหล่าเทพพยาดาทั้งหลายที่เรารู้จัก........... ยอดเขาที่อยู่รอบป่าหิมพานต์มีทั้งหมด 84,000 ยอด มีเขาที่เป็นหลัก มี 5ยอดเขาได้แก่ เขาสุทัสสะนากูฎ เขาจตรกูฎ เขากาฬกูฎ เขาคันธมาทกูฎ และเขาไกรลาสกูฎ ที่ได้ชื่อว่าหิมพานต์เพราะมีน้ำค้างตกหนักมาก แม่น้ำที่ไหลผ่านป่าหิมพานต์มีทั้งหมด 5 สาย ได้แก่ แม่น้ำคงคามหานที แม่น้ำยมนามหานที แม่น้ำอจิรวดีมหานที แม่น้ำสรภูมมหานที แม่น้ำมหิมหานที ไหลผ่านโดยรอบเขา เป็นวงกลม ได้ 9,000 โยชน์ และมีแม่น้ำสาขาอีกจำนวนมาก สระน้ำขนาดใหญ่ในป่าหิมพานต์มีอยู่ 7 แห่ง แต่ละสระมีความยาว ความกว้างและความลึก 50 โยชน์ .............สระน้ำในป่าหิมพานต์ที่เรารู้จักกันดีละก้อไม่พ้นสระนี้แหละ ....สระอโนดาต รอบ ๆ สระล้อมไปด้วยภูเขาที่จัดเป็นยอดเขาของยอดเขาหิมพานต์ คือ สุทัสสนกูฏ มียอดเขาเป็นทองแท่ง สูงได้ 200 โยชน์ เขาจิตตกูฏเป็นเขาที่เต็มไปด้วยแก้วที่มีค่าทุกชนิดสูง 250 โยชน์ เขากาฬกูฏเป็นนิลสูง 250 โยชน์ เขาคันธมาสกูฏสูง 250 โยชน์ เต็มไปด้วยแก้วลายภายในเขาเต็มไปด้วยแก้วมุกดาและว่านยาไม้หอม 10 ประการคือ รากหอม แก่นหอม กระพี้หอม สะเก็ดหอม เปลือกหอม ยางหอม ใบหอม ดอกหอม และผลหอมภายในเขาคันธมาทน์มีถ้ำบนยอดเขาชื่อว่าถ้ำนันทมูล เป็นที่อยู่ของพระปัจเจกโพธิเจ้า ประกอบไปด้วยถ้ำทอง ถ้ำแก้ว และถ้ำเงิน`และไม้หอม ยอดเขาสุดท้ายที่ล้อมสระอโนดาตคือเขาไกรลาส`เป็นเขาเงินสูง 250 โยชน์ ยอดเขาทุกยอดเขารอบสระอโนดาตคดโค้งเหมือนปากกาเข้าปกปิดอโนดาตสระไว้ มีความกว้าง 50 โยชน์ และมีเชิงเขาที่ติดต่อกัน ภายในสระอโนดาตมีท่าน้ำ 4 ท่า สำหรับนางเทพอัปสร เทพบุตร คนธรรพ์ วิทยาธร และยักษ์ น้ำในสระอโนดาตนั้นใสเหมือนแก้วผลึก ปราศจากเต่าและปลา น้ำที่ไหลลงในสระอโนดาต 4 ด้านคือ ด้านตะวันออกไหลออกมาจากช่องที่มีสัณฐานเหมือนปากราชสีห์และเป็นที่ชุมนุมของราชสีห์ น้ำจะไหลวนขวารอบสระอโนดาต 3 รอบแล้วไหลไปลงคลองไปสู่ที่อยู่ของอมนุษย์ในป่าหิมพานต์ ด้านตะวันตกไหลออกมาจากช่องที่มีสัณฐานเหมือนปากช้างและเป็นที่ชุมนุมของช้าง น้ำจะไหลวนขวารอบสระอโนดาต 3 รอบ แล้วไหลไปลงคลองไปสู่ที่อยู่ของยักษ์และปิศาจทั้งหลายในป่าหิมพานต์ ด้านทิศเหนือไหลออกมาจากช่องที่มีสัณฐานเหมือนปากม้าและเป็นที่ชุมนุมของม้า น้ำจะไหลวนขวารอบสระอโนดาต 3 รอบแล้วไหลไปสู่มหาสมุทร ด้านทิศใต้้ไหลออกมาจากช่องที่มีสัณฐานเหมือนปากโคและเป็นที่ชุมนุมของโคและมหิสร(ควาย) น้ำจะไหลวนขวารอบสระอโนดาต 3 รอบแล้วไหลไปลงสระโบกขรณีชื่อว่าติยังคฬโบกขรณี ด้วยความเชี่ยวของน้ำทำให้น้ำเซาะตลิ่งกว้าง 500 โยชน์ และทำให้เกิดช่องอุโมงค์ใต้เขา เมื่อน้ำไหลออกจากเขาไปกระทบกับเขาที่ชื่อติรัจฉานบรรพต แยกออกเป็น 5 สายเป็นปัญจ มหานที คือ คงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหิและน้ำเหล่านั้นจะไหลลงสู่ทะเล และ มหาสมุทรเรามักเรียกกันติดปากว่า" สีทันดร" .........เห็นมั้ยว่าทำไมหิมพานต์เป็นดินแดนแห่งจินตนาการ อันนี้เป็นเพียงอณาเขตเพียงย่อ ๆ เป็นน้ำจิ้มเล็กน้อยเท่านั้น และยังมีสระน้ำอีก 6 สระที่ยังไม่ได้เอ่ยถึงก็คือ กันนมุนดาสระ รถการกา สระ สกุณาสระ มันทากินีสระ สีหปตาสระ หากสนใจค้นคว้าเป็นความรู้ต่อละก็ หาได้จากหนังสือ พฤษานิยาย, อมนุษยนิยาย,ของ ส. พลายน้อย และหนังสือไตรภูมิพระร่วง ฉบับหลวง(ปรับปรุง) และฉบับพระยาลิไท